<div> Element ใช้สำหรับระบุ Element อื่นๆ ที่ต้องการในพื้นที่หนึ่ง
<div> Element
<div> เป็น Element แบบบล็อกที่เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่า Element นี้ใช้ความกว้างทั้งหมดที่มีอยู่ และมีการแบ่งบล็อกกันระหว่างบรรทัดก่อนและหลังของ Element นี้
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<style>
div {
background-color: #FFF4A3;
}
</style>
<body>
<h1>ตัวอย่าง div</h1>
Lorem Ipsum <div>I am a div</div> dolor sit amet.
<p>พื้นหลังสีเหลือง แสดงถึงพื้นที่ของ div Element</p>
</body>
</html>
Element <div> ไม่มี Attribute ที่จำเป็นต้องระบุ แต่สามารถใช้ Attribute style, class และ id ได้ เนื่องจากเป็น Attribute ทั่วไป
<div> เป็น Container
Element <div> ใช้เพื่อจัดกลุ่มส่วนต่างๆ ของหน้าเว็บ
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<style>
div {
background-color: #FFF4A3;
}
</style>
<body>
<h1>ตัวอย่าง div</h1>
<div>
<h2>hostatom</h2>
<p>hostatom บริการ Web Hosting, WordPress Hosting บน Server ประสิทธิภาพสูง</p>
<p>ด้วยทีมงาน Network Engineer ที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Web Hosting โดยเฉพาะ</p>
</div>
<p>พื้นหลังสีเหลือง แสดงถึงพื้นที่ของ div Element</p>
</body>
</html>
จัดกลางใน <div> Element
การจัดตำแหน่งของ Element อื่นๆ ภายใน <div> ให้อยู่ตรงกลาง และกำหนดความกว้างของ <div> โดยใช้ CSS ให้ตั้งค่าคุณสมบัติ (Property) margin เป็น auto
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<style>
div {
width: 300px;
margin: auto;
background-color: #FFF4A3;
}
</style>
<body>
<h1>จัดกลาง div Element</h1>
<div>
<h2>hostatom</h2>
<p>hostatom บริการ Web Hosting, WordPress Hosting บน Server ประสิทธิภาพสูง</p>
<p>ด้วยทีมงาน Network Engineer ที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Web Hosting โดยเฉพาะ</p>
</div>
</body>
</html>
Multiple <div> Elements
บนหน้าเว็บเดียวกัน สามารถมี <div> Element ได้หลายรายการ
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<body>
<h1>Multiple DIV Elements</h1>
<div style="background-color:#FFF4A3;">
<h2>hostatom</h2>
<p>hostatom บริการ Web Hosting, WordPress Hosting บน Server ประสิทธิภาพสูง</p>
<p>ด้วยทีมงาน Network Engineer ที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Web Hosting โดยเฉพาะ</p>
</div>
<div style="background-color:#FFC0C7;">
<h2>hostatom Knowledge Base</h2>
<p>เป็นแหล่งรวมข้อมูล คู่มือ บทความที่ช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงวิธีการจัดการเว็บไซต์กับระบบต่างๆ</p>
<p>มีข้อมูลอีกเยอะที่คุณจะได้รับความรู้ในฐานข้อมูลของเรา มาอ่านกันได้เลย</p>
</div>
<div style="background-color:#D9EEE1;">
<h2>Private Hosting</h2>
<p>เป็นบริการ Web Hosting ที่ผู้ใช้แต่ละรายใช้พื้นที่โดยไม่ต้องแบ่งทรัพยากรกับผู้อื่น</p>
<p>มั่นใจได้ว่าจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุด เร็ว แรง หมดปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่ม</p>
</div>
<p>เพิ่มสไตล์ CSS เพื่อให้แยก div ได้ง่ายขึ้นและสวยงามมากขึ้น</p>
</body>
</html>
การจัดวาง <div> Element อยู่ข้างกัน
ในการสร้างหน้าเว็บ มักจะมี <div> Element 2 Element หรือมากกว่านั้นที่อยู่ข้างกัน ซึ่งวิธีการในการจัดวาง Element ให้อยู่ข้างกัน มีหลายวิธี รวมถึงการใช้ CSS โดยวิธีการที่ใช้ทั่วไป มีดังนี้
Float
เดิมทีคุณสมบัติ float ของ CSS ไม่ได้มีไว้เพื่อจัดตำแหน่งของ <div> Element ให้อยู่ข้างกัน แต่ก็ถูกนำมาใช้หลายปีแล้ว
เนื่องจากคุณสมบัติ float ใช้ในการจัดตำแหน่งและจัดรูปแบบของเนื้อหา และอนุญาตให้ Element อยู่ข้างกันได้ แทนที่จะซ้อนทับกัน
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<style>
div.mycontainer {
width: 100%;
overflow: auto;
}
div.mycontainer div {
width: 33%;
float: left;
}
</style>
<body>
<div class="mycontainer">
<div style="background-color:#FFF4A3;">
<h2>hostatom</h2>
<p>hostatom บริการ Web Hosting, WordPress Hosting บน Server ประสิทธิภาพสูง</p>
<p>ด้วยทีมงาน Network Engineer ที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Web Hosting โดยเฉพาะ</p>
</div>
<div style="background-color:#FFC0C7;">
<h2>hostatom Knowledge Base</h2>
<p>เป็นแหล่งรวมข้อมูล คู่มือ บทความที่ช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงวิธีการจัดการเว็บไซต์กับระบบต่างๆ</p>
<p>มีข้อมูลอีกเยอะที่คุณจะได้รับความรู้ในฐานข้อมูลของเรา มาอ่านกันได้เลย</p>
</div>
<div style="background-color:#D9EEE1;">
<h2>Private Hosting</h2>
<p>เป็นบริการ Web Hosting ที่ผู้ใช้แต่ละรายใช้พื้นที่โดยไม่ต้องแบ่งทรัพยากรกับผู้อื่น</p>
<p>มั่นใจได้ว่าจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุด เร็ว แรง หมดปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่ม</p>
</div>
</div>
</body>
</html>
Inline-block
หากเปลี่ยนคุณสมบัติ display ของ Element <div> จาก block เป็น inline-block
<div> จะไม่เพิ่มการขึ้นบรรทัดใหม่ก่อนและหลังอีกต่อไป และจะแสดงอยู่ข้างกันแทนที่จะซ้อนกัน
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<style>
div {
width: 30%;
display: inline-block;
}
</style>
<body>
<div style="background-color:#FFF4A3;">
<h2>hostatom</h2>
<p>hostatom บริการ Web Hosting, WordPress Hosting บน Server ประสิทธิภาพสูง</p>
<p>ด้วยทีมงาน Network Engineer ที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Web Hosting โดยเฉพาะ</p>
</div>
<div style="background-color:#FFC0C7;">
<h2>hostatom Knowledge Base</h2>
<p>เป็นแหล่งรวมข้อมูล คู่มือ บทความที่ช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงวิธีการจัดการเว็บไซต์กับระบบต่างๆ</p>
<p>มีข้อมูลอีกเยอะที่คุณจะได้รับความรู้ในฐานข้อมูลของเรา มาอ่านกันได้เลย</p>
</div>
<div style="background-color:#D9EEE1;">
<h2>Private Hosting</h2>
<p>เป็นบริการ Web Hosting ที่ผู้ใช้แต่ละรายใช้พื้นที่โดยไม่ต้องแบ่งทรัพยากรกับผู้อื่น</p>
<p>มั่นใจได้ว่าจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุด เร็ว แรง หมดปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่ม</p>
</div>
</body>
</html>
Flex
การจัดเรียงแบบ Flexbox ของ CSS นำมาใช้เพื่อการออกแบบโครงสร้างที่ตอบสนองได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่ต้องใช้ float หรือการจัดตำแหน่ง
เพื่อให้ flex ของ CSS ทำงานได้ ให้ล้อมรอบ Element <div> ด้วย Element <div> อีกชั้นและกำหนดคุณสมบัติให้ display: flex
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<head>
<style>
.mycontainer {
display: flex;
}
.mycontainer>div {
width: 33%;
}
</style>
</head>
<body>
<h1>ตัวอย่าง Flexbox</h1>
<p>จัดตำแหน่ง Element DIV ทั้งสามให้อยู่ข้างกัน</p>
<div class="mycontainer">
<div style="background-color:#FFF4A3;">
<h2>hostatom</h2>
<p>hostatom บริการ Web Hosting, WordPress Hosting บน Server ประสิทธิภาพสูง</p>
<p>ด้วยทีมงาน Network Engineer ที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Web Hosting โดยเฉพาะ</p>
</div>
<div style="background-color:#FFC0C7;">
<h2>hostatom Knowledge Base</h2>
<p>เป็นแหล่งรวมข้อมูล คู่มือ บทความที่ช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงวิธีการจัดการเว็บไซต์กับระบบต่างๆ</p>
<p>มีข้อมูลอีกเยอะที่คุณจะได้รับความรู้ในฐานข้อมูลของเรา มาอ่านกันได้เลย</p>
</div>
<div style="background-color:#D9EEE1;">
<h2>Private Hosting</h2>
<p>เป็นบริการ Web Hosting ที่ผู้ใช้แต่ละรายใช้พื้นที่โดยไม่ต้องแบ่งทรัพยากรกับผู้อื่น</p>
<p>มั่นใจได้ว่าจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุด เร็ว แรง หมดปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่ม</p>
</div>
</div>
</body>
</html>
Grid
Grid Layout มีระบบแบบ grid-based ที่มีแถวและคอลัมน์ ทำให้การสร้างหน้าเว็บง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้ floats และ positioning
Grid คล้ายกับ Flex แต่มีความสามารถในการกำหนดมากกว่าหนึ่งแถวและจัดตำแหน่งแต่ละแถวได้อย่างอิสระ
Grid ใช้วิธีการล้อมรอบ Element <div> ด้วย Element <div> อีกชั้น และกำหนด <div> ด้านนอกให้สถานะ display: grid และต้องระบุความกว้างของแต่ละคอลัมน์ด้วย
ตัวอย่าง
<!DOCTYPE html>
<html>
<head>
<style>
.grid-container {
display: grid;
grid-template-columns: 33% 33% 33%;
}
</style>
</head>
<body>
<h1>ตัวอย่าง Grid</h1>
<p>จัดตำแหน่ง Element DIV ทั้งสามให้อยู่ข้างกัน</p>
<div class="grid-container">
<div style="background-color:#FFF4A3;">
<h2>hostatom</h2>
<p>hostatom บริการ Web Hosting, WordPress Hosting บน Server ประสิทธิภาพสูง</p>
<p>ด้วยทีมงาน Network Engineer ที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Web Hosting โดยเฉพาะ</p>
</div>
<div style="background-color:#FFC0C7;">
<h2>hostatom Knowledge Base</h2>
<p>เป็นแหล่งรวมข้อมูล คู่มือ บทความที่ช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงวิธีการจัดการเว็บไซต์กับระบบต่างๆ</p>
<p>มีข้อมูลอีกเยอะที่คุณจะได้รับความรู้ในฐานข้อมูลของเรา มาอ่านกันได้เลย</p>
</div>
<div style="background-color:#D9EEE1;">
<h2>Private Hosting</h2>
<p>เป็นบริการ Web Hosting ที่ผู้ใช้แต่ละรายใช้พื้นที่โดยไม่ต้องแบ่งทรัพยากรกับผู้อื่น</p>
<p>มั่นใจได้ว่าจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุด เร็ว แรง หมดปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่ม</p>
</div>
</div>
</body>
</html>
Tags
Tag | คำอธิบาย |
---|---|
<div> | กำหนดส่วนในหน้าเว็บ (block-level) |