หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ทั้งที่โค้ด PHP ก็เขียนดี เซิร์ฟเวอร์ก็แรง ทำไมเว็บไซต์ถึงยังโหลดช้าอยู่อีก? หนึ่งในคำตอบที่หลายคนมองข้ามก็คือการประมวลผลซ้ำของ PHP Script ในทุกครั้งที่มีคนเข้าเว็บไซต์ PHP จะถูกแปลงเป็น opcode (ภาษาที่เครื่องเข้าใจ) ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เกิดความล่าช้าอย่างไม่จำเป็น ซึ่งตรงนี้แหละที่ OPcache จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ
OPcache คืออะไร?
OPcache ย่อมาจาก Optimized PHP Cache เป็นระบบ caching ที่มาพร้อมกับ PHP ตั้งแต่เวอร์ชัน 5.5 ขึ้นไป ทำหน้าที่เก็บผลลัพธ์ของการ compile PHP ไว้ใน memory เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลซ้ำทุกครั้ง
ประโยชน์ของ OPcache
1. เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ทันที
- OPcache ช่วยลดขั้นตอนในการประมวลผล PHP เพราะไม่ต้องแปลซ้ำทุกครั้ง
- ทำให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้น โดยเฉพาะหน้าเว็บที่ใช้โค้ดซ้ำกันบ่อย เช่น header, footer หรือ core functions
2. ลดการใช้ทรัพยากรของ Server
- ลดภาระของ CPU เพราะไม่ต้อง compile script ซ้ำ
- ช่วยให้ server รองรับผู้ใช้งานพร้อมกันได้มากขึ้นโดยไม่กระทบประสิทธิภาพ
3. ประหยัด Memory และทรัพยากรในระยะยาว
- ใช้ shared memory ที่มีประสิทธิภาพสูง
- ลดการสร้าง process ซ้ำซ้อน ทำให้ระบบทำงานเสถียรขึ้น
4. เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางถึงใหญ่
- ยิ่งมีไฟล์ PHP จำนวนมาก หรือมี traffic สูง OPcache ยิ่งเห็นผลชัดเจน
- ระบบ CMS อย่าง WordPress, Joomla, Drupal ได้ประโยชน์สูงมากจาก OPcache
5. ทำงานอัตโนมัติหลังตั้งค่า
- ไม่ต้องแก้โค้ด PHP เดิม
- หลังจากเปิดใช้งานแล้ว ระบบจะ cache ไฟล์ให้โดยอัตโนมัติ
6. รองรับ Framework และ CMS ยอดนิยม
- Laravel, Symfony, WordPress, Magento ล้วนรองรับ OPcache อย่างสมบูรณ์
7. เสริมประสิทธิภาพด้าน SEO
- หน้าเว็บโหลดเร็ว ส่งผลดีต่อการจัดอันดับ Google
- ลด Bounce Rate เพิ่มโอกาสในการ Conversion
การเปิดใช้งาน OPcache
ในหลาย ๆ Web Hosting โดยเฉพาะที่รองรับ PHP เวอร์ชันใหม่ ๆ มักเปิด OPcache ไว้แล้วโดยอัตโนมัติ แต่คุณสามารถตรวจสอบหรือเปิดใช้งานเองได้ดังนี้
1. ตรวจสอบว่าเปิด OPcache อยู่หรือไม่
สร้างไฟล์ phpinfo.php แล้วใส่โค้ด
<?php phpinfo(); ?>
จากนั้นเปิดไฟล์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ แล้วค้นหาคำว่า “OPcache” หากมีแสดงว่าเปิดใช้งานอยู่
2. เปิดใช้งาน OPcache ในไฟล์ php.ini
opcache.enable=1
opcache.memory_consumption=128
opcache.interned_strings_buffer=8
opcache.max_accelerated_files=10000
opcache.revalidate_freq=60
opcache.validate_timestamps=1
หมายเหตุ : ค่านี้สามารถปรับได้ตามสเปคเครื่องและความต้องการของเว็บไซต์
OPcache เหมาะกับใคร?
- เว็บไซต์ที่เขียนด้วย PHP เช่น WordPress, Laravel, Joomla
- เว็บที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก
- ผู้ดูแลระบบที่ต้องการลดโหลด Server
- Hosting ที่รองรับ PHP 7.4 ขึ้นไป
ข้อควรระวังในการใช้ OPcache
- เมื่ออัปเดตไฟล์ PHP บางครั้งอาจไม่เปลี่ยนผลทันที เพราะถูก cache ไว้ ต้อง clear cache ด้วยคำสั่ง opcache_reset();
- หากตั้งค่า validate_timestamps=0 จะทำให้ไม่เช็คไฟล์ใหม่เลย ทำให้เร็วสุด แต่ต้อง clear cache เองทุกครั้งที่มีการอัปเดต
สรุปแล้ว OPcache เป็นตัวช่วยเพิ่มความเร็วให้กับเว็บไซต์ PHP ได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดใด ๆ เพียงเปิดใช้งานก็สามารถเพิ่มความเร็ว ลดโหลด CPU และเสริมความเสถียรให้ระบบ เหมาะกับทุกเว็บที่ต้องการประสิทธิภาพสูงขึ้น
ตรวจสอบและเปิดใช้งาน OPcache วันนี้ แล้วสัมผัสความเร็วที่แตกต่าง! หากคุณใช้ Web Hosting กับเราหรือยังไม่แน่ใจว่าเปิดใช้งาน OPcache แล้วหรือยัง สามารถติดต่อซัพพอร์ต hostatom เพื่อให้เราช่วยตรวจสอบได้ฟรี