เมื่อพูดถึงการพัฒนาเว็บไซต์ด้วย PHP หลายคนอาจจะนึกถึง Framework, CMS หรือ Plugin ต่าง ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือ PHP Handler ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานในฝั่งเซิร์ฟเวอร์
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า PHP Handlers มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร และการเลือกใช้แบบไหนที่เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณ
PHP Handler คืออะไร?
PHP Handler คือกลไกที่เว็บเซิร์ฟเวอร์ (เช่น Apache, Nginx, LiteSpeed) ใช้ในการประมวลผลไฟล์ PHP ทุกครั้งที่ผู้ใช้งานส่ง request เข้ามา โดย Handler จะเป็นตัวกำหนดว่า PHP จะถูก execute ด้วยวิธีใด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ ความเร็ว ความปลอดภัย และการใช้ทรัพยากร (CPU/RAM) ของเซิร์ฟเวอร์
ประเภทของ PHP Handlers
1. PHP-FPM (FastCGI Process Manager)
รูปแบบการทำงานที่ต่อยอดมาจาก FastCGI โดยออกแบบมาให้จัดการ process ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อมีการร้องขอ PHP เข้ามา ระบบจะใช้ pool ของ process ที่ถูกสร้างขึ้นล่วงหน้าแทนที่จะสร้างใหม่ทุกครั้ง
ข้อดี
- เร็วและมีประสิทธิภาพสูง
- ปรับแต่ง pool แยกตามแต่ละเว็บไซต์/แอปพลิเคชันได้
- ประหยัดการใช้ทรัพยากรกว่า CGI
- รองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้ดี
ข้อเสีย
- ต้องมีความรู้ในการปรับแต่งค่า (tuning) บางอย่าง เช่น max_children, pm.max_requests
- หากตั้งค่าผิด อาจทำให้เว็บช้าหรือกิน RAM มากเกินไป
เหมาะกับ : เว็บที่มี traffic สูง, E-commerce, WordPress ขนาดใหญ่
2. Dedicated PHP-FPM
การทำงานที่มีหลักการเดียวกับ PHP-FPM แต่จะแยก process สำหรับแต่ละเว็บไซต์ออกจากกันโดยสิ้นเชิง
ข้อดี
- ความปลอดภัยสูง
- แต่ละเว็บแยก process ชัดเจน
- ลดปัญหาเว็บกินทรัพยากรรวมกัน
ข้อเสีย
- ใช้ RAM และ CPU มากกว่า FPM ปกติ
เหมาะกับ : เว็บโฮสติ้งที่มีหลายเว็บในเครื่องเดียว, ระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง
3. FastCGI
รูปแบบการทำงานที่แก้ข้อจำกัดของ CGI แบบดั้งเดิม โดยแทนที่จะสร้าง process PHP ใหม่ทุกครั้งที่มีการร้องขอ FastCGI จะเก็บ process ไว้และนำกลับมาใช้ซ้ำ
ข้อดี
- เร็วกว่าการใช้ CGI ธรรมดา
- ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- มีความเสถียรกว่า CGI
ข้อเสีย
- ไม่ยืดหยุ่นเท่า PHP-FPM
- หาก process มีปัญหา อาจทำให้เว็บทั้งกลุ่มล่มได้
เหมาะกับ : เว็บไซต์ทั่วไปที่ไม่ซับซ้อนมาก
4. CGI (Common Gateway Interface)
รูปแบบการทำงานแบบดั้งเดิม ที่จะประมวลผล PHP โดยสร้าง process ใหม่ทุกครั้งที่มีการร้องขอ
ข้อดี
- สามารถทำงานได้แทบทุกสภาพแวดล้อม
- ตั้งค่าได้ง่าย
- ใช้ได้แม้ในระบบที่ไม่รองรับ FPM/FastCGI
ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพต่ำ
- กินทรัพยากรมาก
- ไม่เหมาะกับเว็บที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก
เหมาะกับ : เว็บเล็ก ๆ หรือใช้เฉพาะในกรณีที่ Handler อื่นไม่สามารถใช้ได้
เปรียบเทียบการทำงานของ PHP Handlers แต่ละประเภท
PHP Handler | ความเร็ว | การใช้ทรัพยากร | ความยืดหยุ่น | ความปลอดภัย | ความเหมาะสม |
---|---|---|---|---|---|
PHP-FPM | สูงมาก | ประหยัด | สูง | ปานกลาง | เว็บใหญ่ / traffic สูง |
Dedicated FPM | สูงมาก | ใช้เยอะ | สูงมาก | สูงมาก | โฮสติ้งที่มีหลายเว็บ / ต้องการ isolation |
FastCGI | ปานกลาง | ปานกลาง | ปานกลาง | ปานกลาง | เว็บทั่วไป |
CGI | ต่ำ | ใช้เยอะ | ต่ำ | ต่ำ | เว็บเล็ก / กรณีจำเป็น |
สรุปแล้วการเลือก PHP Handler ที่เหมาะสมจะมีผลโดยตรงต่อความเร็วและเสถียรภาพของเว็บไซต์ เช่น
- หากต้องการประสิทธิภาพสูงสุด → ใช้ PHP-FPM
- หากมีหลายเว็บไซต์และต้องการแยก resource → ใช้ Dedicated PHP-FPM
- หากเป็นเว็บทั่วไป → ใช้ FastCGI ก็เพียงพอ
- หากใช้ PHP Handler อื่นไม่ได้หรือจำเป็นจริง ๆ → ใช้ CGI
หากคุณกำลังมองหาเว็บโฮสติ้งที่ใช้งานง่ายและปลอดภัย สามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจ Web Hosting ของเราได้ที่👉 https://www.hostatom.com/web-hosting