การต้องมานั่งจำรหัสผ่านสำหรับทุกบัญชีออนไลน์ในยุคนี้กลายเป็นเรื่องสุดหิน เพราะต้องจำทั้ง Facebook, Email, Netflix, Bank App และบริการอื่น ๆ อีกมาก จะตั้งรหัสผ่านง่าย ๆ ก็เสี่ยงโดนแฮ็ก ตั้งยากไปก็จำไม่ได้อีก

ด้วยเหตุนี้ Password Manager เลยกลายเป็นตัวช่วยที่หลายคนขาดไม่ได้ และที่สำคัญ….  มีหลายตัวที่ให้ใช้ฟรี แถมปลอดภัยอีกต่างหาก โดยในบทความนี้เราพาไปทำความรู้จักกับ Password Manager ฟรีที่ควรมีติดเครื่องไว้ในปี 2025 นี้

Password Manager คืออะไร?

Password Manager (ตัวจัดการรหัสผ่าน) คือโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่ช่วยเก็บและจัดการรหัสผ่านของเราให้ปลอดภัยและเป็นระเบียบ โดยที่เราจำเป็นต้องจำแค่ รหัสผ่านหลัก (Master Password) เพียงรหัสเดียวเท่านั้น ส่วนรหัสผ่านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นของ Facebook, Gmail, ธนาคารออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตัว Password Manager จะจัดการเก็บและกรอกให้โดยอัตโนมัติเมื่อเราต้องการใช้งาน ซึ่ง Password Manager จะมีฟังก์ชันหลัก ๆ อยู่ดังนี้

• บันทึกรหัสผ่าน
• กรอกข้อมูลตอนล็อกอินอัตโนมัติ
• สร้างรหัสผ่านใหม่ที่ปลอดภัยให้
• ซิงค์รหัสผ่านข้ามอุปกรณ์ (มือถือ คอมพิวเตอร์)
• แจ้งเตือนเมื่อรหัสผ่านมีความเสี่ยงหรือรั่วไหล

หรือพูดกันแบบเข้าใจง่าย ๆ Password Manager ก็เป็นเหมือนกับ “ตู้นิรภัยดิจิทัล” สำหรับเก็บรหัสผ่านของเรานั่นเอง

ทำไมถึงควรใช้ Password Manager?

หลายคนอาจจะคิดว่า “รหัสผ่านแค่นี้จำเอาเองก็ได้” หรือ “แค่ตั้งง่าย ๆ จำง่าย ๆ ก็พอแล้ว” แต่จริง ๆ แล้ว Password Manager มีความสำคัญมากกว่าแค่จำรหัสผ่าน ได้แก่

• ช่วยให้รหัสผ่านปลอดภัยและไม่ซ้ำกัน – ตั้งรหัสผ่านที่ยาว สุ่ม และไม่เหมือนกันในแต่ละบัญชีได้ง่าย ๆ ช่วยลดความเสี่ยงที่บัญชีจะโดนแฮ็กจากการใช้รหัสเดิมซ้ำ ๆ
• ไม่ต้องจำรหัสผ่านเป็นสิบ ๆ อันเอง – จำแค่ Master Password เพียงรหัสเดียวพอ ไม่ต้องกลัวลืมรหัสผ่านสำคัญอีกต่อไป
• เพิ่มความปลอดภัย – รหัสผ่านจะถูกเข้ารหัสแบบแน่นหนา โดยหลายแอปจะมีระบบตรวจสอบว่ารหัสผ่านเรารั่วไหลแล้วหรือยัง
• ใช้งานได้สะดวกทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์ – กรอกรหัสผ่านให้อัตโนมัติ แค่แตะครั้งเดียวก็ล็อกอินได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องมานั่งพิมพ์เองทุกครั้ง

รายชื่อ Password Manager ฟรีที่น่าใช้

1. Bitwarden

• ฟรี ใช้งานได้ครบ ทั้งเก็บรหัสผ่าน กรอกฟอร์มอัตโนมัติ ซิงค์ได้หลายอุปกรณ์
• โอเพ่นซอร์ส (Open-source) — มีนักพัฒนาช่วยตรวจสอบความปลอดภัยอยู่ตลอด
• มีฟีเจอร์เสริมเช่น การแชร์รหัสผ่านแบบปลอดภัย
• เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ฟังก์ชั่นครบ ฟรี และห่วงเรื่องความปลอดภัย

2. NordPass

• อินเทอร์เฟซสวย ใช้งานง่ายแม้เป็นมือใหม่
• มีระบบเข้ารหัสระดับสูง (XChaCha20)
• บันทึกโน้ตสำคัญและข้อมูลบัตรได้ด้วย
• ใช้งานฟรีได้ทีละอุปกรณ์ (ซิงค์หลายเครื่องต้องอัปเกรด)

3. KeePass

• ฟรี และไม่มีโฆษณา
• ไฟล์เก็บรหัสผ่านอยู่ในเครื่องของคุณเอง ไม่ขึ้นคลาวด์ (ปลอดภัยแต่ต้องดูแลไฟล์เอง)
• มีปลั๊กอินเสริมให้ใช้เยอะ
• เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมข้อมูลเองแบบจัดเต็ม และไม่ซีเรียสกับการตั้งค่าเพิ่มเติม

4. Dashlane

• ใช้งานง่าย ฟีเจอร์ครบ ทั้งบันทึกรหัส เติมฟอร์มอัตโนมัติ
• มีฟีเจอร์แจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล
• ดีไซน์สวย ลื่นไหล
• เวอร์ชันฟรีใช้ได้อุปกรณ์เดียว และเก็บได้ 50 รหัสผ่าน

5. Zoho Vault

• ใช้งานได้ฟรีทั้งทีมเล็ก ๆ และบุคคล
• รองรับการแชร์รหัสผ่านในกลุ่ม
• มีแอปทั้งบนมือถือ และเว็บ
• เหมาะสำหรับคนทำงานเป็นทีมที่อยากได้ตัวช่วยแชร์รหัสแบบปลอดภัย

สรุปแล้วควรเลือกใช้ตัวไหนดี?

Password Manager	จุดเด่น	ข้อจำกัด	เหมาะกับใคร
Bitwarden	ฟรี โอเพ่นซอร์ส ซิงค์ได้หลายอุปกรณ์	ต้องตั้งค่าบางฟีเจอร์เอง	คนที่ต้องการฟีเจอร์ครบ ใช้งานได้หลายอุปกรณ์
NordPass	อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย เข้ารหัสด้วย XChaCha20	ใช้งานได้ทีละอุปกรณ์ในเวอร์ชันฟรี	มือใหม่ที่เน้นใช้งานง่าย
KeePass	ควบคุมข้อมูลเอง ไม่มีคลาวด์	ต้องดูแลไฟล์รหัสผ่านเอง	คนที่ต้องการคุมข้อมูลเอง
Dashlane	ดีไซน์สวย แจ้งเตือนข้อมูลรั่ว	ใช้ได้เครื่องเดียว เก็บได้ 50 รหัสผ่าน	มือใหม่ที่ชอบดีไซน์สวยและใช้งานง่าย
Zoho Vault	แชร์รหัสผ่านในทีม มีแอปหลายแพลตฟอร์ม	ฟีเจอร์บางอย่างต้องตั้งค่าด้วยตัวเอง	ทีมทำงานเล็ก ๆ ที่ต้องแชร์รหัสร่วมกัน

การเลือก Password Manager ที่ดี ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ เพราะไม่ต้องมานั่งจำรหัสผ่านให้ปวดหัวอีกต่อไป โดยสำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยแบบฟรี ๆ แนะนำให้ลองใช้ Bitwarden หรือ KeePass ก่อน เพราะสองตัวนี้ทั้งปลอดภัย และครอบคลุมการใช้งานพื้นฐานมาก ๆ หรือถ้าอยากได้แบบหน้าตาสวยงาม ใช้งานง่ายกับมือใหม่ ก็หันไปใช้ NordPass หรือ Dashlane ได้

อย่างไรก็ตาม ถึงจะมี Password Manager แล้ว แต่รหัสผ่านหลัก (Master Password) ก็ต้องตั้งให้ปลอดภัยสุด ๆ นะ เพราะนั่นคือกุญแจสำคัญของทั้งหมด