หลายๆคนที่สร้างเว็บไซต์จาก wordpress คงจะรู้จักกับการทำ SEO มาบ้างแล้ว ว่ามันส่งผลดีต่อหน้าเว็บเราอย่างไร ซึ่งประโยชน์ของ SEO นั้นช่วยองค์กรได้อย่างมาก อาทิเช่น การทำให้หน้าเว็บของเรามีผู้ชมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก สร้างโอกาสในการขายเพิ่มขึ้น สร้างยอดขายได้มากขึ้น และเพิ่มผลกำไรของคุณ วันนี้เราจะมาแนะนำ 13 ปลั๊กอิน WordPress SEO ที่จะทำให้เหล่านักท่องเว็บสามารถเดินทางเข้ามาเว็บไซต์คุณได้ง่ายขึ้นอย่างมาก
1. Yoast SEO
Yoast SEO เป็นที่นิยมอย่างมาก เห็นได้จากรีวิวนับพันนับหมื่น เป็นปลั๊กอินระดับพรีเมียมที่นำเสนอฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ในการใช้งานและเข้าใจได้ง่าย
ฟีเจอร์การใช้งาน
- คำแนะนำสำหรับ Internal link
- รายงานคำค้นหาหลัก ( focus keyword )
- เครื่องมือวิเคราะห์หน้าเพจและเนื้อหา (page and content analysis tool)
- Built-in Redirect manager (สำหรับ error404 URL)
- แผนผังเว็บไซต์ (XML Sitemaps)
ฟังก์ชั่นของปลั๊กอิน Yoast ในส่วนของเครื่องมือวิเคราะห์หน้าและเนื้อหาที่ Yoast มีนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากเพราะช่วยให้เห็นถึงภาพรวมว่าเพจของคุณตอนนี้เป็นอย่างไรด้วยความสามารถในการอ่านความยาวของเนื้อหา ชื่อเรื่องของเนื้อหานั้นๆ (title tags) การกระจายคีย์เวิร์ด (keywords) การเพิ่มข้อความอธิบายในรูปภาพ (alt attributes) และคำอธิบายถึงเนื้อหาของเว็บไซต์ (meta description)
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฟังก์ชั่นการใช้งานของปลั๊กอินตัวนี้ที่จะช่วยเราในการวิเคราะห์เพื่อให้แน่ใจว่ามาถูกทาง
2. All in One SEO Pack
All in One SEO Pack อีกหนึ่งปลั๊กอินที่ได้รับความนิยมอย่างมากการันตีด้วยยอดการดาวน์โหลดมากกว่า 74 ล้านครั้ง ถือเป็นปลั๊กอินใน WordPress ตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติครบถ้วนซึ่งเหมาะแก่การใช้งานทั้งผู้เริ่มต้นและผู้เชี่ยวชาญ
ฟีเจอร์ของปลั๊กอิน:
- รองรับ Google Accelerated Mobile Pages
- รองรับ XML Sitemap
- รองรับ Google Analytics
- built-in API
- redirect manager
- การบูรณาการเว็บไซต์กับอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify
- การเพิ่มประสิทธิภาพชื่อบล็อกอัตโนมัติ (Automatic blog title optimization.)
- Automatic meta tags
ผู้ใช้ที่มีความเข้าใจในการoptimizeมากขึ้นแล้วยังสามารถสร้าง meta descriptions,headlines, tags, และ keywords ที่กำหนดเองได้ตามความต้องการ
3. Premium SEO Pack
Premium SEO Pack มี module ที่มีประโยชน์มากมาย ให้คุณได้ใช้ประโยชน์จากทั้งเวอร์ชันฟรีและแบบชำระเงิน สำหรับ regular license ราคาอยู่ $44 ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งาน
ฟีเจอร์ของปลั๊กอิน:
- การวิเคราะห์ Focus Keyword
- การกำหนด permalinks
- การรายงานคะแนนภาพรวมของ SEO แต่ละหน้าเพจ
- การวิเคราะห์หน้าเพจและคำแนะนำ
- คำแนะนำสำหรับการเลือกใช้ Keyword
- การตรวจสอบ 404 (404 monitoring)
- W3C validator
- การเพิ่มประสิทธิภาพจำนวนมาก (Mass optimization)
- การทำ SEO ที่โฟกัสเฉพาะพื้นที่นั้นๆ (Local SEO)
- การทำ video sitemap
ราคาปลั๊กอินนี้อาจจะดูสูงกว่าตัวอื่นๆในลิสต์นี้ แต่ด้วยฟีเจอร์ละความสามารถในการปรับแต่งของ Premium SEO Pack นั้นให้คุัมค่ากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน ถือเป็นปลั๊กอินยอดเยี่ยมสำหรับมืออาชีพด้าน SEO ที่ช่ำชองและต้องการยกระดับเว็บไซต์ WordPress ของคุณไปอีกขั้น
4. SEOPressor Connect
ปลั๊กอินนี้ใช้ข้อมูล SEO ที่สำคัญที่สุดของคุณและยังจัดตำแหน่งเครื่องมือสำหรับการปรับแต่งไว้ในแดชบอร์ดหน้าเดียวที่ทำใช้งานง่าย แดชบอร์ดนี้ช่วยให้คุณได้เห็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณรวมถึงเรื่องอื่นๆ
จุดขายหลักของปลั๊กอิน SEOPressor คือการเน้นไปที่เนื้อหาเชิงบริบทมากกว่าคีย์เวิร์ด
ราคาการสมัครสมาชิกรายเดือนอยู่ที่ $9 ซึ่งจะได้ฟีเจอร์:
- การเชื่อมโยงลิงก์ภายในอัตโนมัติ(Automatic internal linking)
- คะแนนความอ่านง่ายของเนื้อหา (Readability scoring)
- การตรวจสอบ Over-optimization (keyword ที่ไม่เกี่ยวข้อง,การใส่ keyword มากเกินไป)
- เครื่องมือสร้างแผนผังเว็บไซต์ (XML sitemap generator)
- Dynamic spider control
เครื่องมือดูเหมือนจะทำความเข้าใจยาก แต่เมื่อทำความคุณเข้าใจแล้วเครื่องมือเหล่านี้จะเป็นหนทางที่ทำให้คุณสามารถจัดการ SEO ขั้นสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. Semrush
Semrush เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ได้รับความนิยมอย่างมากและยังเป็นปลั๊กอินที่ชื่นชอบของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO นักการตลาด บล็อกเกอร์ และเจ้าของธุรกิจ
โดยคุณสามารถใช้ Semrush เพื่อค้นคว้าทุก Insight ของคู่แข่ง ดูภาพรวม SEO และแคมเปญ PPC จนเข้าใจทุกกลยุทธ์และสามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณ ปลั๊กอินนี้ช่วยให้คุณเปรียบเทียบอันดับกับคู่แข่งได้ถึง 5 โดเมน เพิ่มโอกาสในการแซงหน้าคู่แข่ง
เครื่องมือ SEO ของ Semrush ยังช่วยปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์โดยรวมของคุณด้วยการช่วยแนะนำให้คุณเขียนเนื้อหาที่เป็นมิตรกับการเสิร์ชมากขึ้น และชี้ให้คุณช่องโหว่ของคอนเทนต์และปรับปรุงให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเจอคีย์เวิร์ดใหม่ๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้ Topic หรือหัวข้อคอนเทนต์ที่ส่งผลดีต่อ SEO ด้วย
6. Squirrly SEO
Squirrly SEO ปลั๊กอินนี้มีการติดตั้งมากกว่า 3 ล้านครั้งและมีรีวิวที่ดีมาตลอด เพราะว่าปลั๊กอิน WordPress นี้มีฟีเจอร์ให้เลือกใช้งานมากกว่า 200 รายการ ที่จะช่วยคุณปรับแต่งเนื้อหาของคุณด้วยการอัปเดตทำให้สิ่งต่างๆ สดใหม่อยู่เสมอ
ความแตกต่างระหว่าง Squirrly และปลั๊กอิน SEO แบบ all-in-one อื่นๆ คือมันช่วยให้คุณสามารถเขียนบทความหรือสร้างคอนเทนท์ที่เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหา (Search Engine) และพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่ามันเป็นปลั๊กอินการตลาดแบบครบวงจรเลยทีเดียว
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
- SEO Live Assistant
- Audit Duplicate Metas
- On-Demand SEO Audits
- SEO Strategy
ปลั๊กอินนี้ดาวน์โหลดได้ฟรี แต่ถ้าคุณอยากอัพเกรดเวอร์ชั่นให้ใช้งานได้เต็มรูปแบบก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยการสมัครสมาชิกจะเริ่มต้นที่ $20 สำหรับเดือนแรก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของคุณด้วย
WordPress Site Speed Plugins
เมื่อคุณได้ทำการ optimize เว็บไซต์ของคุณอย่างดีแล้วปรับปรุง keywords ที่เหมาะสมกับ search trends และตอนนี้คุณมีผู้เข้าชมจำนวนมากขึ้นที่เข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์ของคุณ แต่ว่างานของคุณมันยังไม่จบแค่นั้นหรอก ยังเหลืออีกปัญหานึงที่ทุกคนเคยเจอนั่นก็คือ ความเร็วของเว็บไซต์ ไม่มีอะไรจะน่าหงุดหงิดใจเท่าหน้าเว็บที่โหลดช้าหรอกนะ
ความเร็วของเว็บไซต์ของคุณเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งเพราะทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเว็บไซต์นั้นๆ และการที่ไม่ใส่ใจกับความเร็วนั้นเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียอย่างมากเพราะมันอาจทำให้คุณเสียลูกค้าไปได้ โชคดีที่เรามีปลั๊กอิน WordPress ต่อไปนี้ที่จะช่วยเว็บไซต์ของคุณให้เร็วและ optimize ให้เหมาะสมสำหรับปีต่อๆ ไปด้วย
1. W3 Super Cache
W3 Super Cache ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยเรื่องเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ WordPress ของคุณ มันสร้างโดยบริษัทที่รับผิดชอบโดย WordPress เอง ดังนั้นคุณมั่นใจได้เลยว่าคุณภาพของปลั๊กอินนี้นั้นยอดเยี่ยมมาก โดยปลั๊กอินนี้จะจัดการไฟล์แคชของเว็บไซต์คุณเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงความเร็วไซต์และช่วยให้ผู้ชมเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น แถมปลั๊กอินนี้ยังใช้ฟรีอีกด้วย
ขนาด Google ยังใช้ เมตริกความเร็วไซต์และแคชในอัลกอริทึมการจัดอันดับ ดังนั้นนี่อาจเป็นความแตกต่างระหว่างคุณกับคู่แข่งว่าใครจะอยู่ในอันดับที่สูงหรือต่ำกว่าด้วย
2. Media File Renamer
ถึงแม้ว่าปลั๊กอินนี้อาจไม่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเร็วขึ้น แต่ก็สามารถช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการปรับแต่งรูปภาพและไฟล์ของคุณได้อย่างแน่นอน เพราะการย้อนกลับไปดูไซต์ขนาดใหญ่และการกรองชื่อไฟล์และข้อความอธิบายในรูปภาพ(alt attributes)เป็นเรื่องยุ่งยากมาก
Media File Renamer แก้ปัญหานี้โดยการเปลี่ยนชื่อไฟล์มีเดียตามชื่อภาพ เมื่อมีการอัปเดตไฟล์รูปภาพ เว็บไซต์ทั้งหมดจะได้รับการอัปเดตเพื่อรวมการอ้างอิงเหล่านี้ ปลั๊กอินเวอร์ชันฟรีเป็นตัวเปลี่ยนชื่ออัตโนมัติ ดังนั้นหากคุณต้องการควบคุมการตั้งชื่อด้วยตนเอง คุณอาจจะต้องใช้เวอร์ชันโปรซึ่งการสมัครสมาชิกรายปีเริ่มต้นที่ $24
3. WP Smush
ปลั๊กอินใช้งานง่ายตัวนี้ช่วยให้คุณลดขนาดรูปภาพในไซต์ของคุณได้อย่างดี โดยไม่บีบอัดความสมบูรณ์หรือคุณภาพของรูปภาพโดยรวม
WP Smush รองรับรูปแบบไฟล์ทั่วไปทั้งหมด รวมถึง JPEG, GIF และ PNG นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์
- ลบสีที่ไม่ได้ใช้ออกจากภาพ
- ใช้งานร่วมกับปลั๊กอินอื่นๆ ได้ดี
- การลบ metadata ออกจากรูป JPEG
- ความสามารถในการจัดการรูปภาพมากกว่า 50 ภาพ/ครั้ง
- ความสามารถในการระบุรูปภาพที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณช้าลง
วิดีโอนี้จากนักพัฒนาจะช่วยแนะนำขั้นตอนต่างๆ ของปลั๊กอินได้ดี
4. WP-Optimize
อีกหนึ่งปลั๊กอินที่มีเครื่องมือใช้งานง่ายที่น่าสนใจ WP-Optimize ปลั๊กอินนี้ช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงฐานข้อมูลของไซต์ของคุณ การันตีคุณภาพปลั๊กอินด้วยยอดติดตั้งมากกว่า 17 ล้านครั้งและรีวิวดีๆอีกมากมาย
นอกจากการล้างข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูลของคุณเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้นแล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพ WP ยังสามารถจัดการสิ่งต่างๆได้ดังนี้
- กำหนดเวลาล้างการแก้ไขอัตโนมัติ ความคิดเห็นสแปม เนื้อหาในถังขยะ ฯลฯ
- การจัดระเบียบตาราง MySQL
- แสดงภาพรวมสถิติฐานข้อมูล
- การบีบอัดภาพ
- การควบคุมแบบละเอียดสำหรับการ optimize โดยเฉพาะ
นอกจากการทำให้เว็บของเรานั้นเร็วแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเว็บไซต์รูบแบบมือถือด้วย เพราะการที่เราปล่อยให้เว็บไซต์รูปแบบ มือถือหรือแท็บเบล็ต โหลดช้า เป็นเรื่องที่จะเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อความสำเร็จในระยะยาวของคุณ เราเน้นย้ำเสมอว่าความเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเว็บไซต์ที่จะยังคงเป็นเรื่องที่เปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ และการทำเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับมือถือ/แท็บเล็ต ก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญของSEO
เราจะมาแนะนำปลั๊กอินต่อไปนี้ที่ช่วยทำให้ไซต์ของคุณเป็นมิตรกับมือถือมากขึ้น
WP Touch Pro
WP Touch Pro เป็นตัวเลือกแรกที่เหมาะสมกับหัวข้อนี้ ด้วยยอดดาวน์โหลดมากกว่า 13 ล้านครั้ง เครื่องมือนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับเกือบทุกคนที่ทำเว็บไซต์ โดยหลักการทำงานของปลั๊กอินนี้จะเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์ของคุณด้วยธีมที่เน้นสำหรับการใช้งานบนมือถือเป็นหลัก การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยปรับปรุงเว็บไซต์ ทำให้อ่านได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ปลั๊กอินนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณสำหรับขนาดหน้าจอต่างๆ
ที่สำคัญเลยคือ Google ยังแนะนำให้ใช้ WP Touch Pro ดังนั้นการนำไปใช้อาจหมายความว่าเว็บไซต์ของคุณทำงานได้ดีขึ้นในการจัดอันดับการค้นหาของอากู๋ด้วย
Autoptimize
ไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณจะใช้โฮสติ้งผ่านผู้ให้บริการเจ้าดัง เช่น GoDaddy หรือเพียงทำเว็บไซต์ผ่าน WordPress.com ใดๆก็ตามปลั๊กอิน Autoptimize เป็นปลั๊กอินที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยปรับปรุงความเร็วในการอัปโหลดเว็บโดยรวมของไซต์ของคุณ โดยการปรับฐานข้อมูลให้เหมาะสม ลบแคช และรวมสคริปต์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถลดเวลาในการโหลดเว็บไซต์ของคุณได้มากถึง 30% ซึ่งถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างมาก
ปลั๊กอินนี้ใช้งานง่ายสุดๆ แถมยังมีรูปแบบราคาให้เลือกมากมาย
WordPress Analytics Plugins
เพราะความรู้คืออำนาจและในฐานะเจ้าของเว็บไซต์ คุณควรจะรู้ข้อมูลไซต์ของตัวเองเพราะข้อมูลไม่เคยโกหกและจะบอกคุณถึงข้อเท็จจริงที่ยากเย็นแสนเข็ญเกี่ยวกับการทำงานของไซต์ของคุณ และสิ่งที่คุณต้องทำการปรับปรุง
Google Analytics เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการทำวิเคราะห์ข้อมูล และคุณหากใช้ได้อย่างเหมาะสมมันสามารถช่วยคุณกำหนดกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีต่อประสบการณ์เว็บไซต์ของคุณได้ อีกทั้งยังมีปลั๊กเพิ่มเติมที่อยากแนะนำ ปลั๊กอินเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ของคุณได้
1. Monster Insights
ไม่มีรายชื่อเว็บไซต์ใดในปลั๊กอิน Google Analytics ที่จะสมบูรณ์หากไม่มีการใช้งาน MonsterInsights การกล่าวแบบนี้หมายความว่าปลั๊กอินตัวนี้เป็นปลั๊กอินที่เรียกได้ว่าอยู่มาคู่กับทุกเว็บไซต์ มีการติดตั้งมากกว่า 85 ล้านครั้งและได้รับความนิยมอย่างมากด้วยซึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญของ MonsterInsights คือมันติดตั้งได้ง่ายสุด ๆ และไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดเลย
เมื่อคุณเริ่มใช้งานแล้ว ปลั๊กอินจะบอกคุณอย่างละเอียดว่าผู้เยี่ยมชมเข้ามาในเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้อย่างไร สาเหตุอาจเป็นเพราะการอ้างอิง คียเวิร์ด หรือback link ซึ่งข้อมูลพวกนี้สามารถช่วยคุณเห็นข้อดีหรือข้อเสียของเว็บไซต์ตัวเองเพื่อนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณเอง เพื่อที่เหล่านักท่องเว็บจะได้มองเห็นและเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ
นอกจากนี้ MonsterInsights ยังช่วยให้คุณรู้จักผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น คุณสามารถค้นหาอายุ ประเทศ เพศของพวกเขา หรือแม้แต่เบราว์เซอร์ที่พวกเขาใช้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นเพียงส่วนนึงของปลั๊กอินตัวนี้ เมื่อพูดถึงเครื่องมือมากมายที่ MonsterInsights มอบให้ขอบอกได้เลยว่าเป็นปลั๊กอินที่ must have สุดๆ
2. Google Analytics Dashboard (Exact Metrics)
เป็นตัวเลือกที่ไม่ต้องคิดมากเลย สำหรับปลั๊กอิน Google Analytics Dashboard (Exact Metrics) คุณภาพสูงการันตีด้วยการติดตั้ง ถึง 29 ล้านครั้ง เครื่องมืออันทรงพลังนี้สามารถแสดงข้อมูลของคุณในแดชบอร์ด WordPress ด้วยความแม่นยำ
โดยปลั๊กอินนี้ไม่เพียงแต่แสดงอัตรา bounce rates, views, keywords, และอื่นๆ แต่ยังแสดงสถิติแบบเรียลไทม์ที่เป็นประโยชน์อีกด้วย คุณสามารถตรวจสอบผู้เยี่ยมชมและทราฟฟิกที่เกิดขึ้นได้
หมายเหตุ:การติดตั้งปลั๊กอินนั้นซับซ้อนกว่าตัวเลือกอื่นเล็กน้อย แต่เชื่อเถอะว่าความพยายามที่จะเรียนรู้มันนั้นคุ้มค่าแน่นอน
3. Analytify
จะทำอย่างไรหากคุณต้องการตัวเลือกที่มีประโยชน์เหมือนกับตัวเลือกอื่นๆ แต่ง่ายกว่าและเข้าใจง่ายกว่ามากนั่นคือสิ่งที่ Analytify จะช่วยคุณได้
ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมตัวนี้ช่วยลดความซับซ้อนของข้อมูล Google Analytics เพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวมได้ดีขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณเพียงแค่เหลือบตามองอย่างรวดเร็ว การติดตั้งก็ง่ายดาย ทันทีที่คุณเริ่มต้นใช้งานปลั๊กอินนี้จะแสดงข้อมูลการวิเคราะห์ในแดชบอร์ด WordPress ของคุณ
การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยปรับปรุงและเพิ่มคะแนน SEO ของคุณ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงส่วนต่างๆของเว็บไซต์ โดยคุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ชมเว็บไซต์ ทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ อัตราการรักษาผู้ชม การมีส่วนร่วม และอื่นๆอีกมากมาย การรู้ข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่ปรับแต่งได้ดียิ่งขึ้น
สรุป
ปลั๊กอินที่ถูกพูดถึงในบทความนี้ เป็นเพียงเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้น คุณสามารถเลือกตามความต้องการใช้งาน เพื่อทดลองใช้งานปลั๊กอินว่าตัวไหน เป็นตัวเลือกเหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานของคุณ
อย่าลืมว่าการ optimize หรือกระบวนการใดๆ ก็ตามต้องใช้เวลา เว็บไซต์ของคุณก็ต้องใช้เวลาในการเติบโตไม่ต่างกัน แต่ด้วยเครื่องมือเหล่านี้และการเรียนรูู้อย่างไม่สิ้นสุด จะทำคุณเข้าใกล้เป้าหมายการทำ WordPress SEO ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีแบบคาดไม่ถึงเลยล่ะ