บริการเว็บโฮสติ้งที่คุณเลือกเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดประสบการณ์เว็บไซต์ที่คุณให้แก่ผู้เข้าชมซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ที่คุณจะต้องเลือกบริษัทที่ให้การบริการที่ดี บทความนี้เราจะมาแนะนำคุณสมบัติหลัก 5 ประการที่บ่งบอกว่าบริษัทโฮสติ้งไหนที่เป็นมิตรต่อ SEO
1. การันตี Uptime
ลองตรวจสอบกับผู้ให้บริการโฮสต์ติ้งที่คุณเลือกใช้งานว่ามีการรับประกันความพร้อมใช้งาน (Uptime) อยู่หรือไม่ เนื่องจากสิ่งนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำ SEO (SEO-Friendly)
Uptime หมายถึง การที่เว็บไซต์ของคุณออนไลน์และสามารถเข้าชมได้ ผู้ให้บริการโฮสต์ติ้งมักจะมีการรับประกันการ uptime ถึง 99.9% ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์มีโอกาสหยุดทำงานได้ ประมาณ 1.44 นาทีต่อวันหรือ 8.8 ชั่วโมงต่อปี หากโฮสต์ติ้งที่มีการรับประกันแบบนี้ถือว่าค่อนข้างดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องทำให้ช่วงเวลาที่ server หยุดทำงาน (downtime) นั้นสั้นที่สุด วิธีนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพ SEO น้อยมาก เนื่องจากเว็บไซต์ยังออนไลน์ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม คุณควรระวังโฮสติ้งที่มักอ้างว่ามีการรับประกัน uptime 100% เพราะเป็นการโฆษณาที่เกินจริง โฮสติ้งนั้นอาจจะเกิดการหยุดทำงานอยู่บ่อยครั้งเลยด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญคือต้องเช็คว่าโฮสติ้งเจ้าไหนทำให้ช่วงเวลา downtime สั้นที่สุด วิธีนี้จะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ SEO ของคุณ
2. ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์
ในขณะที่ Uptime หมายถึงช่วงเวลาที่เว็บไซต์ของคุณออนไลน์และผู้ชมเว็บสามารถเข้าถึงได้ ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ของคุณมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้พวกเขาเข้าถึงหน้าเว็บไซต์เราได้เร็วเพียงใด ตามหลักการแล้วคุณเลือกใช้ศูนย์ข้อมูลที่อยู่ใกล้ผู้ชมเว็บไซต์ของคุณมากที่สุด ยิ่งเซิร์ฟเวอร์ของคุณอยู่ไกลเท่าไรเว็บไซต์ของคุณก็จะใช้เวลาในการโหลดนานขึ้นเท่านั้น เช่น
หากผู้เข้าชมเว็บส่วนมากคือคนไทย ที่ตั้ง server ที่คุณใช้บริการควรอยู่ที่ไทยหรือสิงคโปร์ เพราะจะทำให้การเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นคุณควรเลือกโฮสติ้งที่มีที่ตั้ง server ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณเพื่อสร้างความพอใจให้กับผู้ชมเว็บไซต์ ป้องกันปัญหาที่ผู้ชมหงุดหงิดจนปิดเว็บไซต์คุณและหนีไปเว็บไซต์อื่นแทน
3. ปัจจัยอื่นที่เป็นมิตรกับ SEO
หากโฮสติ้งที่เลือกใช้งานมีให้บริการ/ข้อเสนออื่น ๆ ที่ช่วยส่งเสริมการทำ SEO สิ่งที่คุณควรมองหาในบริการโฮสติ้งเหล่านั้นมีดังนี้
การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ:หากเกิดข้อผิดพลาดกับเว็บไซต์ของคุณ แล้วคุณต้องการข้อมูลสำรองของเว็บไซต์ที่คุณสามารถเรียกคืนได้อย่างรวดเร็ว ต้องดูว่าโฮสติ้งนั้นมีการรองรับการสำรองข้อมูลอย่างไรบ้าง โฮสติ้งนั้นมีการสำรองข้อมูลอัตโนมัติฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ ควรเช็คให้ดีก่อนสมัครใช้บริการ
SSL:HTTPS เป็นปัจจัยในการจัดอันดับมาหลายปีแล้ว เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์คุณควรทำการติดตั้ง SSL ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโฮสติ้งของคุณรองรับการติดตั้ง SSL บางเจ้าถึงกับให้ฟรีรวมไปกับแพ็คเกจโฮสติ้งของคุณ
มีหลายแพ็คเกจ: เมื่อเว็บไซต์ของคุณเติบโตขึ้น ความต้องการใช้พื้นที่ในเว็บไซต์ของคุณมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น (ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ดี!) ควรเช็คให้ดีว่าจำนวนทราฟฟิกของคุณอาจมากพอที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์เฉพาะ(dedicated server) การเปลี่ยนแปลงแพ็คเกจจะง่ายขึ้น (และถูกกว่า) ถ้าคุณไม่ต้องหาโฮสติ้งใหม่เพียงเพราะต้องการได้พื้นที่เพิ่ม หากคุณใช้บริการ hostatom จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาในการปรับแพ็คเกจให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณด้วย
4. มีรีวิวที่ดี
เอาล่ะคุณอ่านมาถึงข้อนีี้แล้วแสดงว่าคุณกำลังใช้ข้อเปรียบเทียบนี้เพื่อเปรียบเทียบโฮสติ้ง คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของการเป็นโฮสติ้งที่ดีนั่นก็คือ ฟีดแบ็คจากผู้ใช้บริการจริง
คำเตือน:โฮสติ้งส่วนมากมีแนวโน้มที่จะดึงดูดรีวิวในแง่ลบมากกว่าแง่บวก
เปรียบเทียบง่ายๆว่าหากบาริสต้าทำกาแฟของคุณหกเลอะเทอะ แต่แสดงความเสียใจและไม่ได้ตั้งใจ คุณก็คงไม่ถึงขั้นที่จะเขียนรีวิวเกี่ยวกับร้านกาแฟนั้นในทางลบ
แต่กลับกันถ้าเว็บไซต์ของคุณหยุดทำงาน แม้เพียงชั่วขณะ หรือแม้แต่หากคุณเป็นฝ่ายที่เข้าใจผิด ( ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากคุณเลือกแพ็คเกจที่ไม่เหมาะสมกับความต้องการในการรับส่งข้อมูลของคุณ )ผู้คนส่วนมากจะโกรธบริการโฮสติ้งอย่างมากซึ่งนั่นอาจเป็นผลให้มีโพสต์ และบล็อกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าโฮสติ้งที่ดีจะได้รับการพูดถึงในแง่ดีเหมือนกันหรือคุณสามารถมองหาโฮสติ้งที่ถูกจัดอันดับในบทความโฮสติ้งยอดนิยม และอ่านบทวิจารณ์เพื่อเช็คว่าบริการโฮสติ้งที่คุณกำลังพิจารณามีแนวโน้มที่จะให้สิ่งที่คุณต้องการได้
5. ทีม support ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
เมื่อคุณได้อ่านฟีดแบ็คจากผู้ใช้งานจริง ให้สนใจและตั้งข้อสังเกตว่าเหล่านักรีวิวพูดถึงการ support ของพวกเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อถึงเวลาที่เกิดปัญหาขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณ เช่น ในกรณีที่ไซต์ของคุณหยุดทำงาน คุณควรจะแก้ไขได้ทันที ซึ่งการทำอย่างนั้นได้การพูดคุยกับทีม support ของผู้ให้บริการโฮสติ้งมีความจำเป็นอย่างมาก ให้เช็คด้วยว่าการสนับสนุนฟรีตลอด 24/7 นั้นเชื่อถือได้ไหม เช็คเวลาการทำการของทีม support โฮสติ้งที่คุณสนใจ และดูว่าคุณจะติดต่อกับทีมsupportได้อย่างไร มีช่องติดต่อใดบ้าง เช่น เบอร์โทรศัพท์ แชทสด หรืออีเมล
อย่าลืมเช็คตามแฟนเพจของพวกเขาด้วย โฮสติ้งเจ้าที่ใส่ใจในการช่วยเหลือลูกค้ามักจะตอบข้อสงสัยและช่วยเหลือลูกค้าในทุกช่องทาง เช่น โซเชียลมีเดีย เฟสบุ๊คแฟนเพจหรือกลุ่มโฮสติ้งต่างๆ
ข้อโบนัส : CMS ที่ใช้งานง่าย
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการโฮสติ้งอย่างแน่นอน แต่ก็มีความสำคัญ ความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่โดดเด่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จในการทำ SEO โชคดีที่โฮสติ้งส่วนใหญ่ในปัจจุบันเสนอเครื่องมือสร้างเนื้อหาแบบลากและวางที่ใช้งานง่าย หลายคนยังรวมเข้ากับ WordPress และปลั๊กอินยอดนิยมอื่น ๆ
ดังนั้น คุณจึงต้องการโฮสติ้งที่ทำงานร่วมกับ CMS ที่คุณคุ้นเคยอยู่แล้วหรือสามารถเรียนรู้ได้ง่าย ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะตกที่นั่งลำบาก ลองนำข้อมูลพวกนี้ไปใช้ในการเลือกใช้บริการโฮสติ้ง และเราขอให้คุณเจอเจ้าที่ใช่ เจ้าที่โดนใจ