DirectAdmin Legacy vs Modern (Unified License with Pro Features)

DirectAdmin Legacy vs Modern (Unified License with Pro Features)

ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 เป็นต้นมา DirectAdmin ได้ปรับระบบ License ใหม่ ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนเกิดคำถามว่า “ควรเลือก Legacy License เดิม หรือเปลี่ยนมาใช้ Modern License ที่มาพร้อม Pro Pack ดีกว่ากัน?”

บทความนี้จะพาไปดูความแตกต่าง จุดเด่น และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้งาน

ฟีเจอร์ “Pro Pack” ที่มีใน Modern License

  • รองรับภาษาและสภาพแวดล้อม Python / Java / Ruby / Perl / NodeJS ผ่าน Nginx Unit
  • Per‑User Redis manager ระบบจัดการ Redis ให้กับแต่ละ user
  • ฟีเจอร์เสริมของ Nginx เช่น CMS templates อัตโนมัติ, WordPress + FastCGI cache
  • Resource throttling ระบบจัดการทรัพยากร (CPU / RAM / IO) ให้กับแต่ละ user
  • Admin SSL บริหาร SSL, wildcard certs, Let’s Encrypt, การแทนที่ใบหมดอายุ
  • Email Track & Trace, Email Summary ระบบตรวจสอบ log อีเมลขั้นสูง
  • Web Terminal ระบบเชื่อมต่อ root server
  • GIT Manager ระบบเชื่อมต่อและจัดการ Git
  • ClamAV สำหรับสแกน filesystem
  • WordPress Manager ระบบจัดการ WordPress
  • IMAP Sync สำหรับการซิงค์อีเมล
  • การตรวจจับอัตโนมัติสำหรับการตั้งค่าอีเมลใน Thunderbird และ clients อื่นๆ
  • รองรับ MariaDB 10.11 / 11.4 และ MySQL 8.4
  • รองรับ PHP 8.4 และเวอร์ชั่นใหม่ในอนาคต
  • DB Monitor ระบบมอนิเตอร์ query ของฐานข้อมูล
  • ฟีเจอร์ “File System Information” ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับไดรฟ์และพาร์ทิชันของไฟล์และโฟลเดอร์
  • รองรับ security.txt ตามมาตรฐาน RFC 9116
  • รองรับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ Ubuntu 24, Debian 13, RHEL 10
  • System Packages feature ระบบตรวจสอบและอัพเดทข้อมูลพื้นฐานของระบบ
  • แผนการพัฒนาฟีเจอร์ในอนาคต
    • Advanced backup manager ผู้ใช้สามารถ restore ไฟล์หรือฐานข้อมูลเองในระดับ user-level
    • DNS synchronization กับผู้ให้บริการภายนอก (เช่น CloudFlare)

การติดตั้งฟีเจอร์เพิ่มเติม หลังจากอัปเกรด License

1. หลังจากอัปเดต License → รีสตาร์ท DirectAdmin
2. ตรวจสอบ admin panel ว่าฟีเจอร์ Pro Pack แสดงขึ้นหรือไม่ (เช่น email tracking)
3. ติดตั้งฟีเจอร์ผ่านคำสั่ง CustomBuild / distro

  • ติดตั้ง nginx unit
da build set unit yes
da build unit
  • ติดตั้ง redis
da build set redis yes
da build redis
  • ติดตั้ง WordPress manager
da build wp
  • ติดตั้ง imapsync tool
da build imapsync
  • ติดตั้ง GIT บน Debian/Ubuntu
apt-get -y install git
  • ติดตั้ง GIT บน RHEL/Centos
yum -y install git
  • หากรันบน CloudLinux ให้เพิ่มคำสั่งต่อไปนี้เพิ่มเติม
cagefsctl --addrpm git
cagefsctl --force-update

ถ้ามีฟีเจอร์ไม่แสดงใน panel ให้ตรวจสอบระดับการเข้าถึง (Access Level) เช่น ของผู้ใช้, Reseller หรือ Admin ว่าเปิดใช้งานหรือไม่

ตารางเปรียบเทียบอย่างละเอียด

คุณสมบัติ / ฟีเจอร์Legacy LicenseModern Unified License (มี Pro features)
สถานะการจำหน่ายเลิกขายตั้งแต่ 1 ส.ค. 2023ยังคงจำหน่าย (Personal PLUS, Lite, Standard)
การอัปเดตฟีเจอร์มีฟีเจอร์ใหม่ตลอดเวลา
การอัปเดตด้านความปลอดภัยมีเฉพาะการแก้บั๊กและ securityได้รับเต็มทั้งฟีเจอร์และความปลอดภัย
รองรับ PHPถึง PHP 8.3PHP 8.4+
รองรับ MariaDB/MySQLMariaDB 10.6, MySQL 8.3 (สูงสุด)MariaDB 10.11+, MySQL 8.4
ฟีเจอร์เฉพาะ Pro Packมีครบ (Redis, Web Terminal, GIT, WordPress, ฯลฯ)
ฟีเจอร์ในแผนพัฒนาAdvanced Backup Manager, DNS Sync ฯลฯ

แนวทางการใช้งาน

  • หากต้องการใช้งาน PHP ≥ 8.4 หรือ MariaDB ≥ 10.11 รวมถึงฟีเจอร์ขั้นสูงต่าง ๆ → แนะนำให้อัปเกรดเป็น Modern License
  • หากใช้งานฟีเจอร์พื้นฐาน PHP ≤ 8.3 และ MariaDB ≤ 10.6 → สามารถใช้งาน Legacy ได้ต่อไป (แต่ไม่มีการพัฒนาต่อ)
  • ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะช่วยเรื่อง performance, ความปลอดภัย, และการบริหารระบบที่สะดวกขึ้น

สรุปแล้ว หากคุณต้องการฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น PHP 8.4, MariaDB 10.11 รวมถึง Pro Pack ที่มาพร้อมเครื่องมือจัดการที่ครบครันกว่า Modern License ถือว่าคุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งานในระยะยาวมากกว่า

👉 สนใจอัปเกรดหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อทีมงานของเราได้ทันที [คลิกที่นี่]

Was this article helpful?

Related Articles