การ block โดยอ้างถึง HTTP

เราสามารถทำการ block ผู้ที่ไม่ประสงค์ดี โดยอ้างอิงถึงชื่อเว็บไซต์ได้ ซึ่งการ block แบบอ้างอิงโดยใช้ชื่อเว็บไซต์ มี 2 แบบ คือ 1.การ Block ผู้ไม่ประสงค์ดีเพียงคนเดียว ให้ทำการสร้างไฟล์ .htaccess และเพิ่มโค้ดด้านล่างนี้ลงไป หรือ ใช้คำสั่ง SetEnvIfNoCase ดังนี้ 2.การ Block ผู้ไม่ประสงค์ดีหลายคน ให้ทำการสร้างไฟล์ .htaccess และใส่ค่าดังนี้ หรือ ใช้คำสั่ง SetEnvIfNoCase ดังนี้ ** หมายเหตุ: กำหนดให้  “example.com” และ “example.net” เป็นเว็บไซต์ที่ไม่ดี**

การ block ผูู้ไม่ประสงค์ดีจาก User-Agent String

บางครั้งอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีทำการกลั่นแกล้งระบบของเราจาก IP Address ที่แตกต่างกันไป แต่ยังคงใช้ชื่อ User-Agent เดิมๆ ตลอด เราสามารถ block User-Agent ไม่ให้เข้าใช้งานได้ สำหรับการ block มี 2 แบบ คือ 1.การ Block ผู้ไม่ประสงค์ดีเพียงคนเดียว ให้ทำการสร้างไฟล์ .htaccess และใส่ค่าดังนี้ หรือสามารถใช้คำสั่ง BrowserMatchNoCase ดังนี้ 2.การ Block ผู้ไม่ประสงค์ดีหลายคน ให้ทำการสร้างไฟล์ .htaccess และใส่ค่าดังนี้ หรือ อาจใช้คำสั่ง BrowserMatchNoCase ดังนี้ ** หมายเหตุ: กำหนดให้ “BotALot” เป็น Bad User-Agent **

วิธีปิดการใช้งาน SSL E-mail ใน iPhone/iPad

เราสามารถทำการปิดการใช้งาน SSL ใน iPhone/iPad ได้ โดยทำตามขั้นตอน ดังนี้ 1.เลือก Setting 2.เลือก Accounts & Passwords 3.ทำการเลือกอีเมลที่ต้องการปิดการใช้ SSL 4.คลิกที่อีเมล Account 5.ในหน้า Account การเช็คอีเมลขาออกให้เลือกที่ Outgoing mail server คลิกที่ SMTP ดังรูป 6.ที่ Primary server เลือกเมลที่เป็นชื่อโดเมนของคุณ ดังรูป 7. ที่ Use SSL ให้เลือนแถบมาทางซ้าย จากนั้นคลิกที่ Done 8. ส่วนการปิด SSL ในอีเมลขาเข้าให้กลับไปหน้า Account ให้เลือก Advance ดังรูป 9.ที่ Use SSL ให้เลือนแถบมาทางซ้าย จากนั้นคลิกที่ Account เพื่อกลับมาหน้า Account […]

วิธีแก้ไขการตั้งค่า E-mail ใน iPhone/iPad

หากผู้ใช้อีเมลบน iPhone/iPad มีปัญหาไม่สามารถรับ-ส่งอีเมลได้ สำหรับผู้ที่ตั้งค่า แบบ IMAP การแก้ปัญหาเบื้องต้นแนะนำให้ผู้ใช้ทำการตรวจสอบการตั้งค่าอีเมลของคุณใน iPhone/iPad เสียก่อน โดยขั้นตอนการตรวจสอบมีดังนี้ เลือก Setting เลือก Accounts & Passwords คลิกที่ Accounts ทำการเลือกโดเมนอีเมลที่ต้องการแก้ไข เลือก Account หรือบัญชีอีเมลที่ต้องการแก้ไข ในหน้า Account การเช็คอีเมลขาออกให้เลือกที่ Outgoing mail server คลิกที่ SMTP ดังรูป ที่ Primary server เลือกเมลที่เป็นชื่อโดเมนของคุณ ดังรูป ตั้งค่าอีเมลขาออก ดังนี้ จากนั้นกด Done เพื่อบันทึกค่าที่ตั้งไว้ ส่วนอีเมลขาเข้าในหน้า Account ให้เลือก Advanced ดังรูป ให้ตั้งค่า Incoming  Settings ดังนี้ จากนั้น […]

วิธีลบ Log ใน Magento

ใน Magento จะมีตารางบันทึกการเข้าใช้งานระบบ ภายในตารางจะเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานของลูกค้า และสินค้าที่ถูกนำมาเปรียบเทียบบ่อยๆ เมื่อข้อมูลในตารางมีมากขึ้นอาจทำให้เว็บทำงานช้าลง ดังนั้น การลบ Log อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เว็บทำงานได้เร็วขึ้น หมายเหตุ: ก่อนที่จะทำการลบ หรือกระทำการใดๆ ในฐานข้อมูล ควรทำการสำรองข้อมูลไว้ก่อน ตาราง Log ที่เก็บข้อมูลของ Magento ได้แก่ log_customer log_visitor log_visitor_info log_url log_url_info log_quote report_viewed_product_index report_compared_product_index report_event catalog_compare_item วิธีการลบข้อมูล Log ใน Magento มี 3 วิธี วิธีที่ 1 ลบ Log ใน Magento Administrator  1. ทำการ Login เข้าสู่ระบบ Admin ด้วยชื่อผู้ใช้งานของคุณโดยพิมพ์ […]

การปรับขนาดภาพให้เหมาะสมกับการใช้งานในเว็บไซต์ด้วย Photoshop

ปัจจุบันภาพถ่ายที่ได้จากกล้องหรือมือถือขนาดมาตรฐานของภาพขั้นต่ำจะอยู่ที่ 3648 x 2736 Pixel ซึ่งความคมชัดของภาพจากกล้องถ่ายรูป นั้นไม่ต่ำกว่า 10 ล้านพิกเซล โดยไฟล์รูปภาพส่วนใหญ่จะมีขนาดประมาณ 5-20 MB และถ้าหน้าเพจนั้นมีภาพอยู่ประมาณ 10 กว่าภาพ แล้วภาพนั้นไม่ได้มีการย่อขนาดเลย หน้าเว็บนั้นจะโหลดช้ามากๆ ดังนั้น หากต้องการให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้นจึงควรปรับขนาดรูปภาพให้พอดีกับขนาดที่แสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ของเรา ไม่ใช่เพียงแค่เอารูปใหญ่ๆ มาแล้วเปลี่ยนแค่ขนาดความกว้างกับความยาวให้เล็กลง ซึ่งในวันที่เราได้เขียนบทความเรื่องนี้ก็คือปี 2021 ขนาดหน้าจอที่กำลังนิยมอยู่ในขณะนี้อยู่ที่ 1920 X 1080 Pixel อ้างอิง: statcounter จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าภาพแต่ละภาพมีขนาดที่ใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะนำภาพที่มีขนาด Pixel ที่ใหญ่เกิน 3,000 Pixel ขึ้นไปมาใช้ โดยที่ไม่มีการย่อขนาดมาใช้บนเว็บไซต์ เว้นเสียแต่ว่าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณโหลดช้า ดังนั้นก่อนที่จะนำภาพมาใช้บนเว็บไซต์จึงควรย่อขนาดเสียก่อน ซึ่งวิธีการย่อขนาดภาพก็มีหลากหลายวิธี แต่วิธีการที่ง่ายที่สุดเลยก็คือใช้คำสั่ง Save for Web ด้วยโปรแกรม Photoshop คำสั่ง […]

การทำ leverage browser caching เพื่อเพิ่มความเร็วให้เว็บไซต์

Web Browser สามารถเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ที่เคยเรียกชมไว้ได้เพิ่มความเร็วการเรียกชมเว็บไซต์ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ใน Web Browser ในส่วนของ Temporary Internet File ในรูปแบบของ Cache File เมื่อเวลาที่ผู้ชมเข้าเว็บครั้งต่อไปสามารถดึงข้อมูลจาก Cache ได้เลยไม่ต้องไปดึงข้อมูลจาก Server ทำให้หน้าเว็บสามารถโหลดได้เร็วขึ้น ขั้นตอนนี้จะเป็นการระบุให้ Web Browser เก็บ Cache พวกไฟล์ในเว็บไซต์ของเราไว้ และระบุให้ทราบว่า Web Browser ควรเก็บ Cache นี้ไว้นานเท่าไหร่จึงควรจะต้องดึงข้อมูลจาก Server มาใหม่เผื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงของไฟล์ สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการให้ผู้ชมเก็บข้อมูล cache ของเว็บไซต์ไว้บนเครื่อง สามารถทำได้ด้วยการเพิ่มโค้ดลงในไฟล์ .htaccess โดยทำตามคู่มือด้านล่างนี้ การสร้างหรือแก้ไขไฟล์ .htaccess ผ่าน directadmin สำหรับการตั้งระยะเวลา สามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น จากโค้ดด้านบน ไฟล์ภาพสามารถปรับเปลี่ยนจาก “1 year” เป็น […]

วิธีเปลี่ยน Document Root ด้วยไฟล์ .htaccess

โดยปกติแล้ว เว็บไซต์จะเรียกใช้งานจากแฟ้ม public_html หรือที่เรียกกันว่าแฟ้ม document root ซึ่งถ้าหากคุณต้องการเก็บไฟล์เว็บไซต์ของคุณไว้เป็น แฟ้มใน public_html (sub-folder) และไม่ต้องการให้ sub-folder นี้แสดงใน URL ที่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถซ่อน sub-folder ได้โดยใส่ Code ด้านล่างนี้ลงไปในไฟล์ .htaccess ที่อยู่ในโฟลเดอร์ public_html โดยแทนค่าดังต่อไปนี้domain-name.com : ให้พิมพ์ชื่อโดเมนของคุณfolder : พิมพ์ชื่อของ sub โฟลเดอร์ ที่ใช้ทดสอบ หรือพัฒนาเว็บไซต์ ในกรณีที่คุณไม่มีไฟล์ .htaccess ในแฟ้ม public_html สามารถทำการสร้างได้โดยการสร้างหรือแก้ไขไฟล์ .htaccess ผ่าน DirectAdmin

วิธีตรวจสอบ E-Mail Header ของ E-Mail บน Thunderbird

E-Mail Header เป็นส่วนที่แสดงถึงรายละเอียดต่างๆของอีเมล ได้แก่ เลขทะเบียนของ E-mail (message header), วันที่และเวลาที่ส่ง, เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ส่งออกอีเมล, ชื่อผู้รับ, ชื่อผู้ส่ง อย่างละเอียด ซึ่งจะไม่ปรากฏในเนื้อหาของ Email ข้อมูลในส่วนของ Header นั้นมักจะถูกนำไปใช้วิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุ ของการรับ-ส่งอีเมลต่างๆ ของผู้ให้บริการ รวมไปถึงการตรวจสอบเส้นทางของอีเมล 1.คลิกที่ icon Mozilla Thunderbird เพื่อเข้าสู่โปรแกรม 2. Double click จากอีเมลที่ต้องการตรวจสอบ เพื่อเข้าสู่หน้าเนื้อหาอีเมล 3. คลิกที่ More จากนั้นเลือก View Source 4. ระบบจะขึ้นหน้าต่างแสดง Email Header ดังภาพ

วิธีตรวจสอบ E-Mail Header ของ E-Mail บน Microsoft Outlook

E-Mail Header เป็นส่วนที่แสดงถึงรายละเอียดต่างๆของอีเมล์ ได้แก่ เลขทะเบียนของ E-mail (message header), วันที่และเวลาที่ส่ง, เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ส่งออกอีเมล์, ชื่อผู้รับ, ชื่อผู้ส่ง เป็นต้น เราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อตรวจสอบเส้นทางของอีเมล์ได้ 1.คลิกที่ไอคอน Microsoft Office Outlook 2016 2.Double click จากอีเมลที่ต้องการตรวจสอบ เพื่อเข้าสู่หน้าเนื้อหาอีเมล 2.เลือกเมนู File ที่มุมซ้ายบนของอีเมล 3. ที่เมนู info คลิกเลือก Properties 4.เราจะตรวจสอบ Email Header ได้ที่ช่อง Internet Headers ดังภาพ