สำหรับวิธีการเพิ่มโดเมนเข้าไปใน CloudFlare มีขั้นตอนดังนี้
พิมพ์ URL: cloudflare.com => Log In (หากคุณยังไม่มีบัญชีก็ กดสมัคร ได้เลย)
ใส่ บัญชีอีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้กับทาง Cloudflare และ Password จากนั้นคลิก Log in
คลิก Add site เพื่อทำการเพิ่มโดเมนลงบน Cloudflare
พิมพ์ชื่อโดเมนที่จะใช้งาน จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Add site
Cloudflare จะมี Package ให้เลือก หลาย Package ซึ่งมีทั้งแบบเสียเงินและแบบฟรี ซึ่งในกรณีนี้จะใช้งานแบบฟรี ดังนั้นให้เลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึง Package Free ให้คลิกที่ Free แล้วคลิกที่ปุ่ม Continue เพื่อดำเนินขั้นตอนต่อไป
ระบบจะเข้าสู่หน้า Reviews your DNS Records หน้านี้สำคัญมาก ให้ตรวจสอบดูดีๆ ก่อนว่า DNS Record แสดงครบหรือไม่ก่อนกด Continue วิธีตรวจสอบให้เทียบกับ DNS Record ใน Hosting Control Panel ได้เลยสำหรับ Plesk และ สำหรับ DirectAdmin
เมื่อเห็นว่า Record ครบถ้วนดีแล้ว ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วน Proxy Status (รูปก้อนเฆม)
จะเห็นว่ารูปก้อนเฆมมีสองมี เทากับ ส้ม
ก้อนเฆมสีส้มคือ กำหนด DNS Record นี้เชื่อมต่อผ่าน CloudFlare Content Delivery Network ผ่าน Firewall ของ CloudFlare การตั้งค่านี้จะทำให้การเว็บไซต์เข้าถึงได้รวดเร็วจากทุกมุมโลก และป้องกันการโจมตีจาก Botnet และ Hacker โดยชุด Record ที่ควรกำหนดสีส้มไว้ก็จะเป็น Record Type A ของชื่อเว็บ ทั้ง www และ ไม่ www รวมไปถึง sub-domain ทั้งหมด
ก้อนเฆมสีเทาคือ กำหนด DNS Record นี้เชื่อมต่อตรงเข้ามาที่ Server ไม่ต้องผ่าน Content Delivery Network และ Firewall ของ CloudFlare พวกค่า Record ที่จำเป็นต้องตั้งสีเทาก็จะเป็น Record เกี่ยวกับ Email ทั้งหมด หรือบริการอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อโดยตรงเข้า Server เช่นชื่อที่อยู่ Record Type A ของ FTP Server หรือ Database Server
เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วให้คลิก Continue
หลังจากตั้งค่า DNS เสร็จแล้ว เพื่อให้การตั้งค่าสมบูรณ์เราจำเป็นต้องเปลี่ยน Nameserver จากที่ใช้เดิมมาเป็น Nameserver ของ CloudFlware ด้วย ตามรูปจะเห็นว่า Cloudflare อยากให้เว็บตัวอย่างเปลี่ยนไปใช้ Nameserver ของ Clooudflare โดยใช้ชื่อ johndoe.ns.cloudflare.com และ johnnydoe.ns.cloudflare.com เราก็คัดลอกแล้วนำไปเปลี่ยนที่ Domain Control Panel (สำหรับ Domain จดทะเบียนกับ hostatom สามารถแก้ไขได้ดังนี้ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ของเราผ่านระบบ Support Ticket ได้ให้เราทำให้เลย)
สามารถแก้ไขได้ดังนี้ ใส่ Link ไปที่
เมื่อเปลี่ยน Nameserver เรียบร้อยแล้วให้รอประมาณ 15 นาทีจากนั้นกลับมาคลิกที่ Check nameserver (บางครั้งกระบวนการนี้อาจจะต้องรออย่างน้อย 4 ถึง 24 ชั่วโมงกว่าจะเห็นผล ถ้าคลิกแล้วยังไม่ได้ ให้รอไปก่อนแล้วค่อยกลับมาตรวจสอบใหม่ แต่ถ้าเกิน 24 ชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ แบบนี้ผิดปรกติแน่นอน ให้ตรวจสอบอีกครั้งว่า namserver ที่เปลี่ยนนั้นถูกต้องหรือไม่กับ https://intodns.com/ )
เมื่อผ่านขั้นตอนตรวจสอบ DNS เรียบร้อยแล้วก็มาคลิกที่ Review settings เพื่อเริ่มการตั้งค่า
ในส่วนนี้จะเป็นการตั้งค่าเพื่อเพิ่มความปลอดภัย, การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์
ที่ Quick Start Guide ให้คลิกที่ Get started
Step 1 Improve security: Automatic HTTPS Rewirtes เป็นการให้ระบบให้เว็บไซต์เป็น https อัตโนมัติ โดยจะเปลี่ยน http ไปเป็น https ซึ่งหากต้องการให้เปิดใช้งานโดยเลื่อนปุ่มไปทางขวา (ตามภาพ) จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Save
ส่วนนี้จะเป็นการกำหนดค่า HSTS (HTTP Strict Transport Security) เพื่อให้การเชื่อมต่อใช้ https ตลอดเวลา หากไม่มี https หรือใบรับรอง ssl ผิด หรือหมดอายุก็จะไม่อนุญาติให้เข้าเว็บไซต์ได้เลย ค่านี้เราแนะนำให้ตั้งเป็น Off ไว้ จากนั้นคลิกที่ Save
สาเหตุที่ให้ Off ไว้ก็เพราะว่า หากเว็บไซต์มีปัญหา หรือต้องการ debug หรือย้าย Server หรือต่ออายุ SSL ไม่ทัน ต้องการเปลี่ยนใบรับรอง SSL แต่ใส่ค่าบางอย่างผิด การเปิด HSTS จะทำให้กระบวนการนี้ยุ่งมากๆ เนื่องจากไม่สามารถทดสอบเว็บไซต์บน Server ได้เลย ในทางกลับกันสำหรับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ธนาคาร บัตรเครดิต หรือมีข้อมูลสำคัญเป็นความลับจำนวนมาก ก็พิจารณาเปิด HSTS ไว้ได้เลย เนื่องจากเปิดไว้ก็จะเพิ่มความปลอดภัยได้มาก
Optimize performance: Broti จุดนี้ถ้าเปิดจากทำให้การเชื่อมต่อแบบ https จะช่วยให้หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้นดีขึ้น แนะนำให้เปิดไว้ เรียบร้อยแล้วคลิกที่ Save
Summary คลิกที่ Finish เป็นอันเรียบร้อย
หลังจาก CloudFlare ทำงานได้ 24 ชั่วโมงก็จะมีสถิติให้เราดูกันว่า Cloudflare ช่วยประหยัด Bandwidth ได้เท่าไหร่ ผู้เข้าชมเว็บไซต์มีกี่คนจะไหนบ้าง และ Block การเชื่อมต่อของ Botnet และ Hacker ได้บ้างมั้ย วิธีการดูสามารถทำได้โดย
เลือกชื่อโดเมนที่ต้องการดู
คลิกที่ Analytics & Logs
สถิติจะแสดงให้เห็นถึง Bandwidth ที่ใช้